นิยายจีน นิยายยอดเยี่ยมในสื่อสนุกสนานที่อยู่คู่กับนักอ่านมาเป็นระยะเวลานานในบรรดารูปแบบของหนังสือหลายชนิด นิยายนับได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นแบบยอดนิยมที่ค่อนข้างสูง แล้วก็ในหมวดของนิยายก็ยังสามารถแยกออกมาได้อีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น นิยายแฟนตาซี นิยายประวัติศาสตร์ ไปจนกระทั่งแบบอย่างการปรับตัวของแวดวงนิยายอย่าง ‘นิยายออนไลน์’
นิยายจีน ก็เป็นสิ่งที่กำลังกลับมาเป็นที่นิยมเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่หากจะมาให้เจาะเนื้อหาทั้งหมดของสิ่งที่เรียกว่า ‘นิยาย’ ก็คงจะมากกว่าหนึ่งบทความวันนี้เฮียก็เลยขอนำเสนอรูปแบบนิยายที่กำลังเป็นกระแสในหลายๆแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นระบบ Streaming ที่ปรับเปลี่ยนเนื้อหาจากนิยายแนวนี้ไปสร้างเป็นภาพยนตร์หรือซีรี่ส์กระทั่งเป็นที่ดังในวงการสื่อหรรษา แบบนิยายแนวนั้นก็คือ ‘นิยายแปลจีน’ (ณ ตอนนี้พี่จีนแกมาแรงจริงๆ)นิยายแปลจีนแฟนตาซีเริ่มจากแนวนิยายแปลจีนที่เข้าถึงง่ายที่สุดก่อนอย่าง ‘นิยายแปลจีนแฟนตาซี’
นิยายแนวนี้ส่วนมากจะเป็นที่นิยมในหมู่เพศชายที่ชอบในการเล่าเนื้อเรื่องที่เรียบง่ายไม่สลับซับซ้อนมาก แต่จะไปเน้นย้ำที่การออกแบบโลกเหนือจินตนาการที่อิงจากเทพนิยายอดีตสมัย (ของจีน) ลำดับชั้นสำหรับเพื่อการฝึกหัดตนของนักแสดงและก็ความเท่ของวิชาต่างๆที่ผู้แสดงใช้ รวมไปถึงการออกแบบ ‘อาวุธ’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดขายของนิยายแปลจีนแฟนตาซี ความชอบต่อการออกแบบโลกจินตนาการนี้ขยายผลไปยังกรุ๊ปนักอ่านที่อยากมองเห็นวัตถุที่เหนือจินตนาการนี้ในโลกที่ความเป็นจริง
จนส่งผลถึงให้เกิดการผลิตสรรค์วัตถุเลียนแบบจากสิ่งที่อยู่ในโลกนิยายแปลจีนแฟนตาซี ราวกับที่ญี่ปุ่นมีการสร้างและก็ซื้อขายฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนจนถึงเกิดเป็นกรุ๊ปสังคมที่สร้างการเคลื่อนไหวทางรายได้อย่างมหาศาล นิยายแปลจีนแฟนตาซีจึงทรงอิทธิพลมากในโลกที่ Content เป็นที่ต้องการของตลาดสื่อสนุกสนานนิยายแปลจีนอิงประวัติศาสตร์นิยายแนวนี้ส่วนมากเรื่องราวจะไปทาง การทำศึก สอบสวนสืบสวน เป็นส่วนมากจะไม่มีเรื่องเหนือจินตนาการเท่าไรนัก ส่วนใหญ่จะเน้นย้ำกรุ๊ปคนอ่านที่มีความเป็นผู้ใหญ่ชอบอ่านแล้วก็พินิจพิจารณามากยิ่งกว่าจะดูเพื่อความรื่นเริงใจสิ่งเดียว
เนื้อเรื่องจะมีความซับซ้อนสุดแต่พล็อตเรื่องที่ผู้เขียนจะเล่าและเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงจะถูกอิงจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงบางเรื่องมีการใช้ชื่อตัวละครที่เคยเป็นคนจริงๆสถานที่ที่มีอยู่จริง นิยายวาย nc ความน่าดึงดูดใจของประวัติศาสตร์ทั้งยังแนวความคิดทางการเมืองวิถีชีวิตในอดีต อื่นๆอีกมากมาย ก็เลยเป็นที่มาที่ทำให้นิยายแปลจีนประวัติศาสตร์เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้อ่านนิยายแปลจีนที่มีความคิดความอ่านพอควรนิยายแปลจีนแนวเทพเซียน & เทพนิยายนิยายแปลจีนแนวนี้มีความคล้ายกับนิยายแปลจีน
อิงประวัติศาสตร์พอสมควร แตกต่างกันตรงเน้นย้ำไปที่เรื่องเล่าเทพนิยายเหนือจินตนาการ จะจัดอยู่ในหมวดเดียวกันนิยายจีนแฟนตาซีก็ได้เช่นกัน ข้อแตกต่างจากนิยายอีกทั้ง 2 แนวที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้เป็นเค้าเรื่องที่มีการอิงเรื่องเล่าเทพนิยายในสมัยก่อนหรือที่ในภาษามนุษย์อ่านนิยายแปลจีนมักเรียกกันว่า ‘เทวดาเซียน’ การเล่าเรื่องจะไม่สลับซับซ้อนมากเล่าเข้าใจง่ายไม่ต้องคิดมากรวมทั้งสิ่งหนึ่งที่จะแฝงมากับนิยายแปลจีนเทพนิยายก็คือเรื่องของ ‘คำสั่งสอน’
ที่จะไม่สอนตรงๆแต่ว่าจะแทรกสอดอยู่ในสิ่งที่ผู้แสดงจำต้องพบเจอ คำสั่งสอนโดยมากจะมีที่มาจากเรื่องของศาสนาในสมัยก่อน ใครที่ชอบพอ ซุนหงออาจจะ เทพอสุรี เทวดามาร เทพซาตาน อื่นๆอีกมากมาย ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่กล่าวมาอยู่ในนิยายแปลจีนเทพนิยายทั้งนั้นนิยายแปลจีนกำลังภายในนิยายแปลจีนแนวนี้กล่าวได้ว่าเป็นต้นแบบของนิยายแปลจีนที่มีการต่อสู้ทุกๆต้นแบบ เนื่องจากว่าไม่ว่าจะเป็นนิยายแปลจีนแฟนตาซีที่ปลดปล่อยพลังอลังการล้วนปรับปรุงมาจากวิชาในนิยายแปลจีนกำลังภายในทั้งหมด นิยายแปลจีนอิงประวัติศาสตร์ทุกๆการต่อสู้หรือแม้แต่ในการสู้รบต่างใช้วิทยายุทธ์จีนทั้งหมด เพราะเหตุว่าถ้าอย่างนั้นก็เลยกล่าวได้ว่า ‘นิยายแปลจีนกำลังภายใน’ ล้วนมีส่วนเกี่ยวของกับนิยายแปลจีนในทุกๆจำพวกเรื่องราวที่เล่าจะนานับประการตามคนเขียนแม้กระนั้นทุกเนื้อหาจะเน้นย้ำไปที่การฝึกฝนร่างกายและจิตใจการหาเหตุผลอะไรบางอย่างของผู้แสดงเพื่อนำไปสู่จุดสิ้นสุดของเนื้อเรื่อง ถือได้ว่าเป็นนิยายแปลจีนที่แอบแฝงข้อคิดต่างๆเอา
วิธีการแปลภาษาจีนสำหรับมือใหม่บนโลกใบนี้มีมากมายภาษาที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีภาษาจีนที่กำลังเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมสูงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยของเรา
เพราะไทยกับจีนเองก็แปลงเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญกันไปแล้ว อย่างที่รู้กันว่าภาษาจีนนั้นไม่ใช่ภาษาที่ง่ายซะทีเดียว ไม่แพ่ภาษาไทยเลยทีเดียว ทั้งยังการออกเสียงพูด อ่าน ฟัง ล้วนจะต้องใช้การฝึกซ้อมอย่างยิ่ง และสำหรับวิธีที่จะทำให้การแปลภาษาจีนเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นขึ้นนั้น สามารถทำเป็นตามเทคนิคดังต่อไปนี้ฝึกพื้นฐานต่างๆของภาษาจีนให้มากมายๆเป็นประจำเริ่มตั้งแต่การฝึกหัดใช้เสียงอีกทั้ง 4 โทน เป็นโทนเสียง สามัญ, ตรี, เอก และโท กระทั่งคล่องแคล่วศึกษาเล่าเรียนไวยากรณ์รากฐานของภาษาจีน อย่างเช่น เริ่มเล่าเรียน พินอิน ซึ่งพินอินนับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะส่งผลกับทั้งยังการออกเสียง และการเขียนภาษาจีน
ด้วยเหตุว่าพินอินเป็นระบบการเขียนภาษาจีนที่จะใช้ตัวอักษรโรมันมาเขียนผสมจนกำเนิดเป็นเสียงใกล้เคียงกับอักษรจีนเริ่มจดจำคำศัพท์กล้วยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งศัพท์รากฐานที่มักใช้สำหรับเพื่อการเสวนา อย่างเช่น สวัสดี, ลาก่อน จากสื่อต่างๆไม่ว่าจะข่าวสารภาษาจีน, ภาพยนตร์จีน, เพลงจีน เป็นต้น เมื่อคุณมีคลังคำศัพท์ในหัวคุณมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการแปลงานมากแค่นั้นพยายามทำให้ภาษาจีนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในชีวิต ดังเช่นว่า ดูหนัง ฟังเพลง เขียนไดอารี่ภาษาจีน อ่านหนังสือจีน เป็นต้น
เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับตัวเอง ในการฝึกเขียน การใช้คำศัพท์ ฯลฯเริ่มฝึกฝนพูดฝึกหัดเสวนาโดยการใช้จริง ยกตัวอย่างเช่นให้หาเพื่อนฝูงออนไลน์คนจีน แล้วก็ฝึกฝนบอกกับเขาโดยตรง จะก่อให้คุณเข้าใจได้มากขึ้น เราสามารถถามเรื่องที่น่าสงสัยจากเจ้าของภาษาได้โดยตรงใช้แนวทางลงเรียนคอร์สสอนภาษาจีน
อาจจะช่วยให้คุณเข้าใจภาษาจีนมากยิ่งขึ้นเลือกใช้ประโยคสั้นๆเหิมใจความ กระชับ ชัดแจ้ง เป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติเพื่อสื่อความหมายเรียบเรียงประโยคให้เป็นที่เข้าใจได้อย่างง่ายดาย ในบางครั้ง นักแปลต้องรู้ถึงกรุ๊ปคนอ่านวัตถุประสงค์และก็จุดหมายของการแปลด้วยด้วยเหมือนกัน เป็นต้นว่า หนังสือที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กแล้วก็เยาวชน การแปลจึงควรเลือกใช้ระดับของภาษา คำเป็นพิษ หรือรูปประโยคที่เหมาะกับกรุ๊ปคนอ่านในวัยของเค้าเหล่านั้น ขณะเดียวกัน
ถ้าเกิดกรุ๊ปคนอ่านเป็นกลุ่มนักวิชาการ ระดับภาษาหรือการเลือกใช้คำก็จำเป็นจะต้องเหมาะสมกับกลุ่มผู้อ่านนั้นๆเช่นกันขอความเห็นจากผู้ที่มีความชำนาญ แม้คุณจะเป็นนักแปลมือโปรที่ส่งผลงานแปลนับล้านๆคำหรือโด่งดังอยู่แล้วก็ตาม แต่ว่าในบางครั้งเป็นได้ว่าคุณอาจขัดข้องสำหรับการแปลอยู่บ้าง ไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้าเลยที่จะขอคำแนะนำจากนักแปลหรือผู้รู้ท่านอื่นๆบ้างในบางครั้งการแปลภาษาบางทีอาจยากกว่าที่คิดไว้แต่เดิม แล้วก็นักแปลไม่สมควรที่จะเสียเวลาไปกับคำแปลหรือศัพท์เฉพาะคำใดคำหนึ่งนานเหลือเกินซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาแปลนานมากเกินควร นักแปลควรจะผ่านส่วนที่ขัดข้องไปแปลในส่วนอื่นๆก่อนเพื่อให้งานแปลสำเร็จลุล่วงตามที่กำหนดส่งงานที่ได้ตกลงไว้ ส่วนคำแปลที่ติดขัดอาจปรึกษาจากผู้ที่มีความชำนาญ กลับหน้าหลัก
หรือ การ เลือก ใช้ คำจาก กรุ๊ป ที่มี ชื่อเสียงหลายๆ กรุ๊ปบนโลก อินเตอร์เน็ท ในคราวหลังได้ นิยายวาย แปลจีนนิยายวาย เป็นสิ่งที่ถูกพัฒนามากจาก นิยายรักแปลจีน ที่เน้น การเล่า เรื่องไปที่ความ เกี่ยวข้องของผู้แสดงจาก สมัยแรกๆ ที่นิยายรักแปล จีนจะเป็นความสโมสรของ ชาย-หญิง จนถึงมาถึงในช่วงหนึ่งที่มีความเปิดกว้างทางเพศภาวะเพิ่มมากขึ้นเรื่องราวความเกี่ยวข้องระหว่าง ชาย-ชาย จึงเป็นที่ยอมรับทั้งยังจากทั้งยังกลุ่มผู้อ่านแล้วก็สังคม
เพราะสิ่งหนึ่งที่แอบแฝงอยู่ในนิยายรักไม่ว่าจะวายหรือไม่ก็ตามซึ่งก็คือ ‘ความเข้าใจ’ การทำความรู้ความเข้าใจผู้คนในลักษณะต่างๆนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์อยากเป็นอย่างมากยิ่งในยุคสมัยที่พวกเราต่างให้ความเอาใจใส่แต่กับตนเองด้วยแล้ว
นิยายที่เล่าถึงความข้องเกี่ยวความรู้ความเข้าใจพวกนี้ก็เลยเป็นที่เรียกร้องของกลุ่มเป้าหมายอย่างมากหลายๆคนโดยเฉพาะเพศชายมักจะดู ‘นิยายวาย’ ไปในด้านลบเพราะว่าภาพจำที่เคยมีมาในเรื่องของ SEX ระหว่างเพศเดียวกัน ก็เลยเป็นกำแพงที่ยังคงมีอยู่ในนิยายวาย โดยเฉพาะเมืองจีนที่มีความเชื่อแล้วก็การให้ความใส่ใจของ ‘เพศ’ ในอดีตเพศสภาพใหม่ๆยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนักแม้กระทั้งในตอนนี้เองก็ด้วยเหมือนกัน
สมัยที่เริ่มแปลนิยายกำลังภายในนั้น ภาษาไทยที่พวกเราใช้เสวนากันในวงสังคมทั่วๆไปก็ไม่ได้เป็นอย่างภาษาไทยสำนวนปัจจุบันนะครับ สำนวนภาษาไทยที่ใช้แปลนิยายพลังภายในไม่ได้ห่างจากภาษาสามัญที่ใช้ในสมัยมากสักเท่าไรนัก
ลองไปพบนิยายของ “ดอกไม้สด”, “สด กูรมะโลหิต” หรือนิยายชุดอิงประวัติศาสตร์อินเดียของ “พนมเทียน” อย่างเช่นเรื่อง “ศิวา-ราตรีกาล” จะเห็นได้ชัดนิยายกำลังภายในถูกแปลเป็นภาษาไทยตั้งแต่ราวๆปี 2500 – 2504 นับจนกระทั่งวันนี้ก็ 50 กว่าปีแล้ว ก่อนหน้าที่จะมีการแปลนิคุณยายกำลังภายในก็ได้มีการแปล “นิยายอิงประวัติศาสตร์” ที่เรียกว่า “ประวัติศาสตร์จีน” เรื่องแรกที่สามัญชนรู้จักกันดีคือ “สามก๊ก” ฉบับของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ตอนนี้พวกเรายังหามาอ่านกันได้ไม่ยาก ต่อ จาก นั้น ก็มีตำนานเรื่องอื่นๆถูกแปลตามมามากมายยกตัวอย่างเช่น แซ่ซ้องกั๋ง, เปาบุ้นจิ้น, ฯลฯ สำนวนก็อยู่ในวิถีทางเดียวกันกระทั่งโดยประมาณต้นสมัยกึ่งพุทธกาลคุณเลียนแบบ
พิศนาคะกับคุณนิยม โรหิตเสถียร เริ่มแปลนิยาย จีนกำลังภายในเรื่อง “มังกรหยก” พวกท่านได้ ใช้สำนวนเลียน อย่างสามก๊ก อาจจะเป็นเพราะเหตุว่าความนิยมชม ชอบเรื่องสามก๊ก เป็นอมตะในกลุ่มคนอ่าน ก็เลยน่าจะ เป็น เคล็ด วิธีสร้างความคุ้น เคยอย่างง่ายๆ ให้กับคนอ่านสมัยนั้น เรื่องมังกร ได้สร้างการปรากฏ ครั้งยิ่งใหญ่ ในแวดวงหนังสือนิยาย ประเทศไทย เนื่องด้วย นิยาย เรื่องยาวยุค เก่าๆที่ยาวมากๆจะถูกแยกพิมพ์เป็นเล่ม เล็กขนาดพ็อคเก็ตบุ๊คบางๆ สม่ำเสมอ เมื่อถึง วันระบุหนังสือค่อนข้างจะมีแฟนนิยายมายืน ต่อแถวหน้า โรงพิมพ์รอคอยซื้อทีเดียว ด้วยความนิยมชมชอบมากมายพรั่งพร้อมขนาดนี้ สำนวน แปล นิคุณยาย ก็เลยไม่สามารถกลายเป็นอื่นได้อีก
นักแปล รุ่นน้อง ก็จำเป็นต้อง เดินตามรอย เช่น เดียวกัน ต่อมา เมื่อคุณว.ณ.เมือง ลุงเริ่มแปล ออกมาบ้าง ท่าน ก็ จำเป็นต้องอาศัยแนวสำนวนนี้เพราะเป็น เอกลักษณ์ภาค บังคับไปเสียแล้ว แต่ มีนักวิภาควิจารณ์สังเกตุ ว่าสำนวน ของท่านว.ณ.เมืองคุณลุงจะเอาอย่างของ “ยาขอบ” ผู้แปลเรื่อง “สามก๊กแปลภาษาไทย เป็นจีนในงานแปลไทย เป็นจีน สิ่งสำคัญ คือ ต้องใช้กลุ่มนักแปล ที่เป็นคนจีน แม้ว่า จะมีนักแปลคนประเทศไทยที่เชี่ยวชาญภาษาจีน เป็นอย่าง มากก็ตาม แม้กระนั้น สำหรับงาน แปลภาษาไทยจีน Modern Publishing ก็ยังคงเลือกใช้กลุ่มนักแปลที่เป็นคนจีนเป็นหลัก เพื่อเป็นประกันว่างานแปลที่ออกมาจะใช้สำนวนภาษาที่ใช้กันอยู่ในสังคมจีนจริงๆ
สำหรับใครที่อยากเริ่มอ่านนิยายแปลจีน แต่ยังกลัวใจว่าตัวเองจะอ่านไหวมั้ยเพราะแต่ละเล่มหนาๆ ทั้งนั้น
แถมชื่อตัวละครก็เหมือนจะอ่านยาก จำยาก แล้วจะหลับมั้ย ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิดที่เราตั้งกฎขึ้นมาเองทั้งนั้นนะคะ การอ่านนิยายแปลจีน บอกเลยว่าเป็นตัวเลือกที่หากใครได้ลองแล้วติดใจ แต่หากใครยังทำใจลองไม่ได้ซะที ก็ลองมาฟังทริกดีๆ ในการเริ่มอ่านนิยายแปลจีนสำหรับนักอ่านหน้าใหม่กันเลยดีกว่าค่ะ
1.เลือกเรื่องที่ตรงกับความสนใจ
แน่นอนกว่า การอ่านนิยาย พื้นฐาน อันดับ แรกเลย คือ เราต้องสนใจ ในตัวเนื้อหา ของเรื่องนั้นๆ เพื่อนๆ สามารถ อ่านได้ที่คำโปรย ปกหลัง หรือเปิด อ่านคำนำ เพื่อให้รู้ทิศทาง ของเรื่องราวที่ เราจะอ่าน โดยนิยายแปลจีน ส่วนใหญ่จะมีพล็อตที่ค่อนข้างเป็นสากล ซึ่งทุก เล่มล้วนมีการนำเสนอเนื้อหา ที่แตกต่าง กันไป จึงทำให้แต่ละเรื่องมีความสดใหม่และชวนติดตาม
2.เริ่มจากเล่มที่ไม่ยาวมาก
หมายใจเลยว่า พอเพื่อนๆ เห็นเล่มหนาๆ อาจจะส่ายหน้าไว้ก่อน แต่หากลองสัมผัสนิยายแปลจีนดู ก็ลองเลือเล่มบางๆ ไว้ก่อน เพื่อให้เราคุ้นชินกับการอ่าน นิยาย แนวนี้ ที่สำคัญเลยคือเล่มบางๆ ส่วน ใหญ่ มักจะมีตัวละครไม่เยอะเกินไป ทำให้จดจำได้ง่าย เมื่อเราเริ่มรู้สไตล์การเล่าเรื่อง การบรรยายแบบภาษาสวยๆ แล้ว ก็ค่อยๆ เขยิบไปอ่านเล่มที่หนาขึ้นได้นะ